วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

น้ำทับทิม กับนีโอไลฟ์

น้ำทับทิม : เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพยอดฮิต



ทุกท่านคงเคยเห็นลูกทับทิมกันแล้ว เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ในเมืองไทย ทับทิมดูจะเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแด่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย โดยมีการใช้ทับทิมเป็นสัญลักษณ์ของผลไม้ ถือว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้า ทับทิมในตำราแพทย์สมัยโบราณ ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซี่ยม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และ ระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้
* การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ
* การฟอกไตและท่อปัสสาวะ
* สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย
* ขจัดไขมันส่วนเกิด
* เป็นยาบำรุงกำลัง
* ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง
* ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน
* ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต
* การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน
* สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ
* ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง
* ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ
* ทำให้ผิวหน้าสวย




การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา พบว่าในน้ำทับทิมมีสารต้านนอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสิทธิภาพสูงมาก ด้วยความสามารถที่สูงของสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิม มีผลถึงกับมีงานวิจัยที่มีคุณประโยชน์โดยตรงหลาย อย่างไม่ใช่การคาดคะเนอ้อมๆกันอีกต่อไป งานวิจัยแรกพบว่าสารจากน้ำทับทิม สามารถลดภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือด จากไขมันในเลือดสูงได้ โดยทำให้การแข็งตัวหรือการสะสมไขมันในเส้นเลือดหนู และในคนด้วยดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางการแพทย์ ยังมีอีกรายงานที่พบว่าไม่เพียงแต่ลดการสะสมไขมันในตัวเส้นลือด แต่ยังทำให้เส้นเลือด ที่หนาตัวและมีไขมันสะสมแล้วซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีแล้ว มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ผลงานวิจัยดังกล่าวนี้เป็นรายงานใหญ่ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ที่เชื่อถือได้ และจากการทดลองในผู้ป่วยน้ำทับทิมมีคุณสมบัติ ลดความดันโลหิตได้เล็กน้อยอีกด้วย คือลดได้ประมาณ 5% ในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูง ซึ่งทานน้ำทับทิมวันละ 50 ซีซี เป็นเวลาสองสัปดาห์ อย่างไรก็ตามถ้าเราไม่ต้องการผลนี้ก็ไม่จำเป็นต้องทานมากขนาดนั้น สารต้านอนุมูลอิสระในทับทิม ยังบำรุงตับ โดยมีรายงานการให้สารจากทับทิมในหนูทดลองก่อนที่จะให้สารพิษคาร์บอนเตตราคลอไรด์ต่อตับ พบว่าหนุที่ได้รับสารจากทับทิมมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับได้จริง (Hepatoprotectiv effect) ยังมีงานวิจัย ด้วยน้ำทับทิม ทั้งในรูปน้ำสดและผ่านการหมักต่อเซลล์มะเร็งหน้าอกของคน (Human breast cell) พบว่ามีฤทธิ์ในการ ยับยั้งของเซลล์มะเร็งได้จริงอีกด้วย

ในประเทศญี่ปุ่นมีรายการแนะนำทับทิมทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ว่า ทับทิมมีสรรพคุณในการบรรเทาโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลัง เพิ่มความงาม และประโยชน์อื่นอีกมากมาย ทำให้ทับทิมเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง สภาพตลาดทับทิมระหว่างประเทศ ในปัจจุบัน ได้มีการค้นคว้าและแปรรูปทับทิมมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก เช่น ในประเทศเยอรมันมี นอกจาก จะมีการผลิตสินค้าจากน้ำทับทิมเข้มข้นแล้ว ยังได้นำเมล็ด ใบ และดอก มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าหลากหลายชนิด น้ำทับทิมจึงเป็นน้ำผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีคุณประโยชน์ และเป็นของที่มาจากธรรมชาติ นับเป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพที่มีผลบำรุงร่างกายที่แท้จริง

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แก้อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ต้องชุดพื้นฐานนีโอไลฟ์


ต้องอาศัยธรรมชาติบำบัดเข้าช่วย ด้วยชุดพื้นฐานนีโอไลฟ์



(1). Cut out caffeine = งดกาเฟอีน
  • งดอาหารและเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน โดยเฉพาะกาแฟ
...
  • กาเฟอีนออกฤทธิ์กระตุ้นได้นานจนถึง 7 ชั่วโมง และอาจนานขึ้นถ้ากินยาคุมกำเนิด ทำให้สารสื่อสมองที่ทำให้หลับทำงานได้น้อยลง และกระตุ้นฮอร์โมนเครียดจากต่อมหมวกไต
  • แอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ) ก็ร้ายพอๆ กัน เนื่องจากทำให้สมองได้รับออกซิเจนน้อยลง นอกจากนั้นเครื่องดื่มกลุ่มนี้หลายชนิดยังมีน้ำตาลสูงอีกด้วย
...
(2). Cut out sugar = งดน้ำตาล
  • น้ำตาลทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเครียดมากขึ้น
...
  • ถ้าอยากดื่มอะไรที่หวานๆ จริง... ควรลอง "สมูตตี (smoothie)" หรือใช้ผลไม้ทั้งผลปั่น ไม่กรองกาก (ไม่ใช่น้ำผลไม้กรอง)
  • เวลาดื่มน้ำผลไม้ปั่นทั้งผล... ไม่ควรจิบช้าๆ เนื่องจากกรดผลไม้อาจทำให้ฟันสึกได้
... 
  • ทางที่ดีคือ ดื่มให้เร็วหน่อย บ้วนปากแรงๆ หลายครั้งหลังดื่มทันที ไม่แปรงฟันก่อน 30-60 นาที เนื่องจากหลังดื่มน้ำผลไม้ หรือกินผลไม้ใหม่ๆ เคลือบฟันจะอ่อนลงชั่วคราว ถ้าแปรงทันทีอาจทำให้ฟันสึกได้ง่าย
  • ควรกิน "ซูเปอร์ฟูด (superfood = อาหารคุณค่าสูง)" เช่น เบอรี (เมืองไทยเรามี 'mulberry' = ลูกหม่อน) บรอคโคลี ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายกลับคืนสู่สมดุล (rebalance) ได้เร็ว
...
(3). No processed fats = ไม่กินไขมันแปรรูป
  • ไขมันแปรรูปหรือไขมันทรานส์ (trans fats = ไขมันเติมไฮโดรเจน เช่น เนยขาว ครีมเทียม คอฟฟี่เมต) พบมากในอาหารจานด่วน (ฟาสต์ฟูด) อาหารสำเร็จรูป ขนมกรุบกรอบ เบเกอรี
...
  • ไขมันทรานส์ทำให้โคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดลง เพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) และมีส่วนทำให้สุขภาพสมอง ตา ข้อ และผิวหนังแย่ลง
... 
(4). Eat early, eat well = กินแต่เช้า และกิน(อาหาร)ดีๆ
  • ร่างกายคนเรามีระดับการเผาผลาญอาหารสูงสุดในช่วงเที่ยงวัน... อาหารที่ดีคือ อาหารที่กินแต่เช้า (ภายในชั่วโมงแรกหลังตื่นนอน)
...
  • ควรกินมื้อเช้าและมื้อเที่ยงเป็น "มื้อหลัก" หนักไปทางโปรตีน (ถั่ว โปรตีนเกษตร เนื้อไม่ติดมัน ไข่ นมไขมันต่ำ) และไขมัน
  • อาหารมื้อเย็นควรเป็นมื้อเล็กหน่อย หนักไปทางคาร์โบไฮเดรต (คาร์บ = ผลไม้ ผัก ธัญพืช) ที่มีคุณค่าสูง เช่น ผลไม้ทั้งผล (ไม่ใช่น้ำผลไม้กรอง) ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี (เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ฯลฯ)
...
  • อาหารกลุ่มคาร์บช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย (relax) หลับสบาย และช่วยล้างพิษ (detoxity) ในช่วงที่เราหลับอยู่
...
(5). Make your food more colourful = ทำให้อาหารมีสีสัน หรือกินอาหารหลากสี
  • การกินพืชผักหลากสี ซึ่งทำได้ง่ายๆ โดยเทียบสีรุ้ง "ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง" หรือสีไฟจราจร "เขียว เหลือง แดง" แถมสีขาวของแสงแดด (ผักผลไม้ที่มีสีออกไปทางขาว เช่น หอม กระเทียม กล้วย ฯลฯ) และพยายามกินให้ได้ 5 สีขึ้นไปทุกวัน
...
  • การกินพืชผักหลากสีทำให้ได้สารคุณค่าพืชผัก หรือพฤกษเคมี (phytonutrients) ซึ่งช่วยป้องกันโรค ต้านการอักเสบ (ธาตุไฟกำเริบ) ล้างพิษ และช่วยรักษาสมดุลฮอร์โมน
  • สารคุณค่าพืชผักตามธรรมชาติออกฤทธิ์แบบเสริมกัน ดังนั้นการกินธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ฯลฯ (การกินข้าวหลายสายพันธุ์มีแนวโน้มจะดีกับสุขภาพเช่นกัน) ผัก ผลไม้ ถั่ว เห็ดให้ได้วันละหลายๆ อย่างจะดีกับสุขภาพมากกว่าการกินอาหารอย่างเดียวมากๆ
...
(6). Sleep smarter = นอนให้เป็น หรือนอนอย่างฉลาดขึ้น (smart = ฉลาด; smarter = ฉลาดมากกว่า)
  • กฏข้อแรกของการนอนให้ดีขึ้นคือ ไม่ดู TV บนเตียง และไม่ใช้เตียงทำอะไรอย่างอื่น ยกเว้นการนอนกับเพศสัมพันธ์
...
  • พวกเราส่วนใหญ่มีธรรมชาติ "ไวต่อแสง" เพราะฉะนั้นกลางคืนควรหรี่แสง นั่นคือ ค่ำลงอย่าเปิดไฟจ้า เวลานอนปิดไฟ และพยายามอย่าให้แสงภายนอกเข้าไปในห้องนอน
  • ตรงกันข้ามกลางวันควรรับแสง... เมื่อตื่นนอนขึ้นมาควรเปิดไฟที่คล้ายแสงธรรมชาติ (หลอดไฟแต่ละรุ่นมีแสงคล้ายแสงธรรมชาติไม่เท่ากัน แสงไฟกลุ่ม 'cool white' จะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า 'daylight' - ผู้เขียน) หรือเปิดประตู-หน้าต่างรับแสงธรรมชาติเข้ามาในบ้าน เพื่อให้นาฬิกาเวลาทำงานได้ดี
...
(7). Breathe properly = หายใจให้เป็น (breathe = หายใจ; properly = อย่างเหมาะสม ถูกวิธี)
  • หาเวลาสบายๆ ก่อนนอนทำ 'breathing break (breathing = การหายใจ; break = เบรค ช่วงพัก)' หรือทำการหายใจแบบสบายๆ
...
  • วิธีการฝีก "หายใจแบบสบายๆ" ทำได้โดยการหาที่นั่งเงียบๆ ขอเวลาให้ตัวเองสัก 5 นาที นั่งตัวเกือบตรง (หลังไม่งอ และไม่เกร็ง)
  • วางมือข้างหนึ่งไว้ที่หน้าอกเบาๆ วางอีกข้างไว้ที่หน้าท้องเบาๆ...
... 
  • หายใจเข้าช้าๆ เวลาหายใจเข้าให้ทำความรู้สึกว่า "หายใจเข้า ฉันผ่อนคลาย" , เวลาหายใจออกให้ทำความรู้สึกว่า "หายใจออก ฉันผ่อนคลาย"
  • สังเกตการเคลื่อนไหวของมือที่วางไว้บนหน้าท้อง... เวลาหายใจเข้า ท้องควรจะป่องออกเล็กน้อย ถ้าหายใจเข้าแล้วท้องไม่ป่องออกเลย แสดงว่า ยังหายใจไม่เป็น... ไม่ต้องตกใจ ขอให้หายใจช้าลง ร่างกายจะเริ่มผ่อนคลาย แล้วท้องจะป่องออกมาเล็กน้อยเวลาหายใจเข้าได้เอง
...
  • เรื่องหายใจนี้... คนไทยมีแนวโน้มจะรู้สึกว่า ท้อง "ยุบเข้า-พองออก (in-and-out)" คนชาติอื่นๆ ทั้งชาวพม่าและฝรั่งจะรู้สึกว่า ท้อง "สูงขึ้น-ลดลง (up-and-down)" ถนัดแบบไหนใช้ได้ทั้งนั้น...
...
(8). Choose gentle exercise = เลือกออกกำลังแบบนุ่มนวล
  • การออกกำลังแบบตะวันออก เช่น โยคะ มวยจีน ไทชิ-ไทเกก รำกระบองชีวจิต ฯลฯ ช่วยกำจัดความเครียด ทำให้ผ่อนคลาย ช่วยให้ท่าทางดีขึ้น
...
(9). Soak up the sun = อาบแสงแดดอ่อน
  • แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า (ก่อน 9.00 น.) และยามเย็น (หลัง 16.00 น.) ให้พลังในการบำบัดสูงมาก